วันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2555

ขอวีซ่าอเมริกา



 ได้เวลาไปอเมริกาสักกะที..มิใช่ว่าอยากไปก็จองตั๋วไปได้เลยนะคะ ต้องขอวีซ่าก่อนคะดิฉันเองก็หาข้อมูลมาพอสมควรอ่านเยอะจนจิตตก 1เว๊ปที่อยากจะแนะนำก็คือ 


ข้อมูลค่อนข้างเยอะและรายละเอียดดีมาก แต่อาจจะไม่ค่อยอัพเดตในเรื่องของการกรอกข้อมูลวีซ่าเนื่องจากปัจจุบัน การกรอกข้อมูลได้เปลี่ยนแบบฟอร์ม DS160 ระบบการป้องกันข้อมูลจะดีขึ้น
คือเราต้องกรอกข้อมูลภายใน 20 นาที ไม่งั้นข้อมูลที่กรอกก็จะหายไป ดิฉันกรอกไปเซพไป แต่สรุปสุดท้ายก็ไม่เชื่อใจตัวเอง ว่าจะกรอกข้อมูลถูกต้องรึเปล่าเลยตัดสินใจ หาคนรับกรอกดีว่า
สบายกว่ากันเยอะเลย อยู่เฉยๆดีกว่า แฮ่ๆ
ยืมเพลงพี่แอ๊ดมาร้องหน่อย
แล้วก็เริ่ม เซิร์ทหาข้อมูล โฮ๋...แต่ละที่ราคาไม่เท่ากันเลยบางที่ 2500/คน
แล้วดิฉันจะไปกัน 3คน จะปาไปเท่าไหร่ นี่ยังไม่รวมค่าธรรมเนียมการขอวีซ่าเลย
เอาใหม่หาใหม่อีกที และแล้วก็เจอ 1 ที่คะเป็นศูนย์แปลภาษาย่านสุขุมวิท ค่ากรอก รวมค่าจองคิว ไม่รวมคาพิน 500 บ./คน ราคาโอมากๆ
แต่กรอกข้อมูลผิดไม่ยอมตรวจทานก่อนส่งมอบงานให้ลูกค้า ดิฉันยิ่งจิตตกกลัววีซ่าไม่ผ่าน
เลยยอมแคนเซิลนัดคิวสัมภาษณ์
แล้วหาเจ้าใหม่กรอก เหอๆ เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่ายรึเปล่าเนี้ย หาข้อมูลอีก
ขอราคากรอกถูกๆแต่คุณภาพดีๆ ของดียังมีในโลกค่ะ
เป็นศูนย์แปลภาษจากเชียงใหม่ อาจจะไกลสักนิดแต่เชื่อถือได้ เลยตัดสินใจให้ที่นี่กรอกข้อมูลให้ ค่ากรอก500/คน ค่าจองคิว 300 บาท/คน กรอกข้อมูลเสร็จทางศูนย์จะส่งเมล์มาให้เราตรวจสอบความถูกต้องก่อนจะส่งเอกสารทางไปรณีย์ให้เรา แบบนี้ค่อยสบายใจหน่อย แต่รอคิวนานมากเกือบ2เดือน ในที่สุดเราก็ได้วันนัดสัมภาษณ์ บอกได้คำเดียวว่าตืนเต้นมากกกกกกกก..จากข้อมูลแชร์ประสบการณ์ จากเว๊ปบอร์ดข้างบน ทำให้ดิฉันได้เตรียมเอกสารไปอย่างเยอะ กลัวไม่ผ่าน อีกอย่างก็เสียดายเงินด้วยเพราะขอไป 3คนพ่อแม่ลูก
วันสัมภาษณ์เราไปกันแต่เช้าเลย ไปยืนรอประมาณ1ชม.มีคนไปรออีกประมาณไม่ถึง10คน
จาการยืนรอเลยได้พูดคุยกับน้องผู้หญิงที่มายืนรอเช่นกัน น้องบอกว่ามารอบที่ 3แล้ว เอกสารไม่ครบ
มาส่งเอกสารเป็นผลตรวจสุขภาพจากโรงพยาบาล
เพราะน้องแต่งงานและจะไปอยู่ที่อเมริกาทางสถานทูตเลยให้ตรวจสุขภาพด้วย
น้องเค้าบอกถ้าจะไปอยู่ที่อเมริกาในกรณีแต่งงาน การสัมภาษณ์จะเป็นภาษาอังกฤษ
ถ้าใครตอบไม่ค่อยได้เจ้าหน้าที่ก็จะเริ่มอารมณ์เสีย..น่ากลัวจัง ..แต่น้องเค้าบอกว่าแฟนจัดการส่งเอกสารต่างๆ
และดำเนินการให้ ยกเว้น  Love story น้องบอกแฟนส่งให้ก็จริงแต่น้องเค้าเขียนเอง
เลยตอบคำถามได้หมด ถามแม้กระทั่งในห้องนอนมีเครื่องใช้อะไรบ้าง วางที่ใหน อย่างไร เจาะลึกจริงๆ
ดิฉันเองก็เคยได้อ่านการแชร์ประสบการณ์จากหญิงไทยคนนึง เธอเลือกที่จะสัมภาษณ์เป็นภาษาไทย
ทางเจ้าหน้าที่สถานทูตถามเธอว่าเธอใช้ภาษาอะไรในการคุยกับแฟน  พอตอบว่าภาษาอังกฤษ
เท่านั้นแหละ ผลออกมาคือเธอไม่ผ่าน
มาที่ตัวดิฉันบ้าง พอพูดคุยกับน้องเค้าจบ ก็ได้เวลาพอดี เจ้าหน้าที่รปภ.จะมาเปิดประตู
พอเข้าไปก็จะต้องฝากโทรศัพท์ ฝากร่ม หรือสิ่งของที่ห้ามนำเข้า โดยจะมีการเป๋าใส่และล๊อคกุญแจไว้
ให้ลูกกุญแจกับเราไว้พร้อมหมายเลข
จากนั้นก็ไปยื่นเอกสารแสดงคิวนัดสัมภาษณ์  พร้อมแสดงใบเสร็จที่เราชำระเงินจากไปรณีย์
เจ้าหน้าที่จะจัดเอกสารเราใส่แฟ้มให้เรา
จากนั้นก็เดินผ่านเครืองตรวจจับอาวุธและโลหะ เดินผ่านเข้าไปเพื่อตรวจเอกสารอีกรอบ
ด้านในจะมีร้านกาแฟ มีห้องน้ำไว้คอยบริการด้วยคะ จากนั้นเราก็จะต่อคิวเพื่อรับการสัมภาษณ์เบื้องต้น
มีช่องสัมภาษณ์ 2 ช่อง เจ้าหน้าคนไทยทั้ง 2 ช่องเลย
คำถามที่เจอคือ ทำงานที่การบินไทยใช่มั้ยคะ? แล้วก็เช็คเอกสาร ไปเที่ยวเหรอคะ? ไปพักกับใคร?
ไปกี่วัน ญาติได้ทำอะไรที่นั่น ?
 จากนั้นก็ให้เรารอ .. สักครู่ก็อนุญาติให้เราเข้าไปข้างในห้องได้ ก็นั่งรออีกเช่นเคย แล้วก็เรียกตามคิว เปิดช่องสัมภาษณ์แค่ 3ช่อง เป็นเจ้าหน้าที่ฝรั่งสัมภาษณ์ทั้งหมดเลย
ดิฉันและครอบครัวได้สัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่ผู้หญิงสาวท่า ทางใจดี
และจริงๆด้วย สวัสดีเป็นภาษาไทยกับเรา คำถามก็เช่นเดิมคุณผู้ชายทำงานที่การบินไทย คุณผู้หญิงเป็นแม่บ้านใช่มั้ยคะ..แล้วก็ตาก็จ้องมองคอม จะไปเที่ยวที่ใหนบ้าง? ไปกี่วัน ? พักกับใคร ? ญาติทำอะไรที่นั่น ?
 ญาติได้ซิติเซ่นยัง? คำถามที่เพิ่มขึ้นคือ มีการสัมภาษณ์เจ้าตัวเล็กคะ ถามว่า คนนี้ใช่คุณพ่อมั้ยคะ คนนี้ใช่คุณแม่มั้ย แล้วก็ขอดูสูติบัติตัวจริง ดูเสร็จก็ยื่นใบสีฟ้าให้แล้วบอกให้ไปซื้อซองจดหมาย
 ดิฉันยังงงๆ
ผ่านแล้วเหรอ ทำไมง่ายจัง
พอไปซื้อซองจดหมายจ่าหน้าซองถึงตัวเราเอง ก็ถามน้องคนขายซองว่า " ถ้ามาซื้อซองแบบนี้แปลว่าวีซ่าผ่านใช่มั้ยคะ "  น้องตอบว่าครับ...เย้..ในที่สุดก็ได้วีซ่า....แล้วเรามารอลุ้นกันว่าจะได้กี่ปี
รออยู่หลายวันพอเปิดซองดูเล่ม พาสปอต ปรากฎว่าได้ 10 ปีคะ ดีใจเป็นที่สุด
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเตรียมเอกสารและเตรียมตัวดี เป็นกำลังใจให้คุณนะคะ ขอให้ผ่านและได้ 10ปีอย่างครอบครัวดิฉันคะ
ครั้งหน้าจะขอแช์ประสบการณ์ขอวีซ่าเช้งเก้นของประเทศปราก...ไม่ง่ายเลยนะคะ รอติดตามค่ะ..