วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

บินฟรี กับตั๋ว ID Airline staff

     แน่นอนหากคุณทำงานสายการบิน หรือญาติๆของคุณทำงานสายการบิน การได้รับสิทธิพิเศษบินฟรี จากตั๋ว ID ต้องมีแน่นอน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับกฏ ข้อบังคับของแต่ละสายการบินด้วยว่า สิทธินั้นจะให้ญาติทางตรง คือ สามี ภรรยา บุตร และพ่อแม่ หรือจะซื้อให้ใครก็ได้ ใน1ปี จะมีการจำกัดจำนวนตั๋วเอาไว้ เช่น สายการบินบางสายการบิน ตัวพนักงานเองจะใช้ตั๋ว ID 90 คือ ลดไป 90 % จ่ายเองอีก 10%
ของราคาตั๋วโดยสาร นี่คือตั๋วของ STAFF ที่จ่ายน้อยแต่อาจจะไม่ที่สุด เพราะบางสายการบิน จ่ายเองเพียง 5% ลดไป 95%  โอ้โฮ๋....หลายคนตกใจแกมอิจฉานิดๆ ลด 50% นี่ก็ว่าถูกแล้ว..แต่เล่นจ่ายแค่ 5% ของราคาตั๋ว ลดไป 95% ถูกซะยิ่งกว่าถูกซะอีก แต่มีตั๋วที่ถูกว่านั้นค่ะ แท่น แทน แท้น...นนน นั่นก็คือตั๋ว ID00  ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ได้จ่ายนะคะ แม้ว่าจะมีเลข 0 อยู่ตั้ง2ตัว ในความเป็นจริงของชีวิตก็ต้องจ่ายคะ จะเป็นค่าภาษีสนามบิน +อาหาร+ การประกันภัย  a round trip ในประเทศ ก็ 300กว่าบาท เหอๆ ถูกจริงไม่อิงนิยาย แต่ถ้าจะให้ดี น่าจะฟรีไปเลย..



    

     ดิฉันแม้ไม่ได้เป็น STAFF แต่ก็ได้อานิสงค์จากตั๋ว ID เนื่องจากคุณซะมี ทำงานที่สายการบินแห่งชาติ จึงต้องขอขอบพระคุณสายการบินไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ สิทธิพิเศษบินฟรี ก็มีปีละ 4ใบ แบ่งเป็นในประเทศ 2 ใบ ต่างประเทศอีก 2ใบ  Any where in the world ... ดีจังอย่างนี้ก็ได้เที่ยวรอบโลกเลยนะซิ...มันจะเป็นอย่างนั้นได้ก็ต่อเมื่อ 1. เงินเดือนสูง 2 ค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนน้อย 3 เงินเก็บมีมากจนไม่รู้จะเก็บยังไง หากมีครบทั้ง3 ข้อ รับรองการเที่ยวรอบโลกกลายเป็นเรื่องจิ๊บๆ  แต่สำหรับดิฉันแล้วมีคุณสมบัติเพียงข้อแรก ส่วนข้อ2 กับ 3 มลายหายวับไปกับตา 5555 ก็ดิฉันเป็นเพียงแม่บ้าน เงินเดือนที่มีก็เป็นเงินจากคุณซะมีอีกที รายได้จึงเท่ากับ หาร2  แฮ่ๆ การจะได้ไปเที่ยวรอบโลกใช่ว่าจะง่ายเสมอไป ตั๋วฟรีใช่ว่าจะดี เปลี่ยนเป็นเงินก็ไม่ได้ กินก็ไม่ได้ นอกจากนี้ถ้ามีตั๋วฟรี คุณต้องต่อสู้กับกิเลสในใจของคุณอย่างนัก กับการหักห้ามจิตใจ ไม่ให้อยากไปเที่ยว ยุบหนอ พองหนอ งดเที่ยวหนอ ไม่ต้องไปหนอ...จะได้ไม่เปลืองหนอ การภาวนาก็อาจเป็นเช่นนี้ หุหุ ไม่มีตั๋วฟรีซะยังดีกว่า....

    ตั๋วID อาจมีชื่อเรียกอีกหลายชื่อตามสภาวะการณ์ เช่น ตั๋วชาวเกาะ บรรดา staff ต่างก็จะเกาะ counter ไว้แน่นเพื่อลุ้นว่า..จะได้ไปหรือไม่ได้ไป หรือชื่ออย่างเป็นทางการด็คือ ตั๋ว stand by คือ รออีกเช่นกัน รอจนวินาทีสุดท้าย ที่ทางสายการบินจะประกาศเรียกผู้โดยสารคนสุดท้ายให้มาขึ้นเครื่อง  นี่เป็นประกาศครั้งสุดท้ายของสายการบิน......ที่จะออกเดินทางจาก....ไป....ขอให้คุณ......กรุณาขึ้นเครื่องด่วน หลังจากประกาศเราก็จะลุ้นกันต่อว่า..ผู้โดยสารท่านนั้นจะมาขึ้นเครื่องทันรึเปล่า และแล้วสวรรค์ก็เป็นใจ   "คุณคะเชิญขึ้นเครื่องได้แล้วคะ ผู้โดยสารไม่มาแล้ว " ทีนี้แหละ วิ่งตับแลบ 4 คูณ 100 อย่างไม่คิดชีวิต ทันทีที่ก้าวขึ้นไปบนเครื่องทุกๆสายตาก็จะจ้องมองมาที่ดิฉันเป็นแนวเดียวกันหมด ไม่ทันจะสบสายตาทั้ง 300 กว่าคู่ ดิฉันก็ต้องเดินก้มหน้ามองทางเดิน ประหนึ่งว่า ดิฉันมีความผิดมหันต์ โทษฐานที่มาช้า ทำให้ผู้โดยสารทั้ง 100 กว่าชีวิตต้องรอดิฉันคนเดียว ดิฉันได้แต่ตะโกนในใจ..." ไม่ใช่ความผิดของดิฉันนะคะ ดิฉันไม่ได้มาสาย  แค่เป็นตั๋ว stand by เท่านั้นเอง หุ หุ

nepal trip with my darling


   ครั้งแรกกับการไปต่างประเทศ นั่นก็คือประเทศเนปาล ทริปนี้ไม่ใช่การไปเที่ยวแต่เป็นการเดินทางติดตามคุณแฟน..ไม่ใช่ว่าจะสวีทหวานแหว๋วไปทำงานยังตามไปสวีทอีก แต่เหตุผลที่แท้จริงคือ เรามีแปลนจะไป เมกา แต่ได้ข่าวมาว่า การขอวีซ่าไปเมกา เป็นอะไรที่ยากมาก เราก็เลยหวั่นๆ เพราะ passport ของดิฉัน มันสะอาดตา แบบยังไม่เคยได้ไปเยือนประเทศใดๆในโลกใบนี้ คุณแฟนเลยจัดการออกตั๋วให้ร่วมทริปไปเนปาลด้วยเลย




                         
ตื่นเต้นเหมือนกันกับการเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรก แม้ระยะเวลาบินจะบินเพียง 3ชั่วโมงก็ตาม
นกเลือกที่จะทำวีซ่าจากประเทศไทย เพราะจะง่ายกว่า ไม่ต้องไปต่อแถวทำ visa on arrival ที่สนามบินตรีภูวัน การคาดการณ์ถูกต้องเพราะวันที่ไปถึงนักท่องเที่ยวเยอะมาก ต่อแถวทำวีซ่ายาวเหยียด หากทำที่ประเทศไทยก็ไปทำได้ที่
                                                      สถานทูตเนปาล แผนกวีซ่า
                                        189 สุขุมวิท 71 ถ.สุขุมวิท กรุุงเทพฯ 10110
                                        โทร 02 -3917240
                                        โทรสาร 02- 3902288 

                                                          วันและเวลาทำการ
                                        จ.- ศ. 09.00 น. - 12.00 น.  ยื่นวีซ่า
                                        จ.- ศ. 14.00 น. - 16.30 น.  รับวีซ่า
                                                   
                                                          เอกสารที่ต้องเตรียม
                                       1. แบบฟอร์มวีซ่าที่กรอกข้อมูลครบถ้วน
                                       2. หนังสือเดินทางที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 6เดือน พร้อมสำเนา
                                       3. รูปถ่ายขนาด 2" 1 รูป

                                                         ค่าธรรมเนียมการขอวีซ่า
                                        15 วัน 875 บ.
                                        30 วัน 1400 บ. 
                                        90 วัน 3500 บ.

 หมายเหตุ  ***     ผู้เดินทางไม่จำเป็นต้องยื่นวีซ่าด้วยตนเอง
                              ระยะเวลาทำการ 1วัน
                             
                               (แต่ตอนนกไปทำ นกจ่ายเพิ่มอีก 200 บ.ก็ รอรับเล่มได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาและค่ารถไปรับเล่มอีกรอบ )


หรือดูข้อมูลที่แน่นอนจาก http://www.nepalembassybangkok.com/


ก่อนจะ landing

                          


เทือกเขาหิมาลัย เมื่อมองจากเครื่องบิน ขาไปต้องนั่งฝั่งขวาของเครื่องนะจะเห็นวิวแบบนี้



    
                                เทือกเขาสลับซับซ้อนโอบล้อมเนปาล เมืองแห่งดวงตาธรรม




               ถ้าคิดจะไปขอ visa on arrival ที่สนามบินเห็นแถวยาวๆแบบนี้เปลี่ยนใจ ทำจากเมืองไทยก็ได้นะ

                  เราเลือกที่จะพักโรงแรม ananpurna hotel ด้วยเหตุผล ทำเลสะดวกอยู่ในย่าน downtown หน้าโรงแรมเป็น arcade มีร้านแบรนด์เนมหรูๆมากมากมาย เหมาะกับดิฉันในช่วงกลางวัน ที่คุณแฟนไปทำงาน เราก็ออกมาช๊อปปิ้งได้สบายอารมณ์ สิ่งที่น่าช๊อปในย่านนี้ดิฉันคิดว่า น้ำหอม จากการเปรียบเทียบราคา จาก duty free ที่เมืองไทย ที่นี่ถูกว่าหลายร้อย บางยี่ห้อ ถูกกว่าเกือบ1พันเลยทีเดียว ถ้าต่อราคาอีกอาจจะได้ลดราคาอีกก็ได้ แต่สำหรับดิฉัน หมดสิทธิ์คะ ก็ดิฉันเล่นนำมาเปรียบเทียบ แบบขวดต่อขวด และราคาในมือดิฉันก็ยังแพงกว่าที่นี่อีก นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อยากได้ของถูก อย่าเอาราคาแพงกว่ามาเปรียบเทียบให้คนขายเห็น ฮือ ฮือ




                   มาดูที่พักกันก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังกันต่อถึงกาฐมาณฑุว่าเป็นยังไง
                                       
                     
                                                        ด้านหน้าทางเข้าโรงแรม


บริเวณ front


                                                                 
                            เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว อาจจะเก่าไปบ้าง แต่ความสะอาดเป็นเลิศ


เดี๋ยวตามมาดูที่ห้องพักกันบ้างว่า..จะน่านอนขนาดใหน
ขอออกตัวสักนิด..ไม่คิดว่าในชีวิตได้นำมารีวิว ภาพเลยมีไม่มากและไม่หลากหลายมุม
ขออภัยจากใจนะคะ

ทีวี plasma  มีชา กาแฟ บริการในห้องพักด้วย

เดี๋ยวไปดูห้องน้ำกันต่อเลย


ห้องน้ำขอบอกว่า สะอาดมากกกกกก
โดยรวมของที่พักอยู่ในระดับที่น่าพอใจ สำหรับอาหารเช้าอาจจะมีไม่หลากหายนักแต่ก็มีอาหารจีน ที่เราพอทานได้ ส่วนอาหารอินเดีย รสชาติอาจมีกลิ่นเครื่องเทศแรงไปนิด เลยไม่ได้รีวิวมาให้ได้ดูกัน อีกอย่างภาพที่ถ่ายในห้องอาหารจะเห็นหน้าดิฉันกับคุณแฟนเป็นส่วนใหญ่เลยไม่ได้ลงให้ได้ดูกัน เดี๋ยวจะเลี่ยนหน้าเรา 2คนซะก่อน อิอิ


เรื่องเล่าจากกาฐมาณฑุ


ถ้าพูดถึงเนปาลหลายคนจะนึกถึง เทือกเขาหิมาลัย กับการ Trekking แล้วถ้าพูดถึงกาฐมาณฑุล่ะ คุณจะคิดถึงอะไร ก่อนไปดิฉันก็คิดภาพไม่ค่อยจะออก..มีเพียงคำบอกเล่าของคุณแฟน.."ตามท้องถนน จะมีแต่เสียงแตร เมืองทั้งเมืองอบอวลไปด้วยฝุ่น " และในสารคดีที่เคยได้ดู จะมีพิธีเผาศพที่ริมแม่น้ำและลอยศพในแม่น้ำ แต่ด้วยความเชื่อ แม่น้ำคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ศรัทธาเริ่มจากที่นี่ตั้งแต่ตอนเกิด การ อาบ ดื่มกิน จึงเป็นเพียงเรื่องธรรมดา แต่สำหรับเราคนไทยคงจะไม่ชินเลย
การจินตนาการถึงสภาพบ้านเมืองอาจไม่น่าพิสมัยนัก แต่ก็ไม่อาจมาเปลี่ยนแปลงความตั้งใจที่ใจไปเนปาลของฉันได้




ผู้คนที่เนปาล จิตใจดีและเป็นมิตร การซื้อสินค้าที่นี่ควรจะต่อราคา ต่อได้ตั้งแต่ 10-50 % เลยทีเดียว ความสุข และความสนุกเริ่มขึ้นเมื่อเกิดการต่อรองราคานี่แหละ ถ้าคุณไปทาเมล ถามราคาไว้ ต่อราคาไว้ด้วยแต่อย่าเพิ่งซื้อเพราะร้านข้างหน้าอาจมีสินค้าแบบเดียวกัน แต่อาจได้ราคาที่ถูกว่าก็ได้ ทันทีที่คุณต่อราคาแล้วคุณไม่ยังไม่พอใจ คนขายถ้าอยากขายมากๆจะลดราคาให้คุณโดยอัตโนมัติแบบไม่ต้องต่อ รอบ2 อิอิ ในที่สุดก็ได้ของถูกกลับมา หากคุณไปกับเพื่อนหลายคนอาจจะเล่นเกมสนุกๆ โดยแยกกันช๊อบเป็นคู่ๆ รับรองว่า ราคาของที่ซื้อมาในแต่ละร้านจะไม่เท่ากัน การต่อราคาไม่จำกัดเฉพาะสินค้าที่ทาเมลนะคะ ผลไม้ตามรถเข็นหากคุณไม่ต่อราคาที่ได้จะสูงกว่าปกติ อีก30 %  แท็กซี่ก็ต่อราคาได้ แต่ทิปส่วนตัวของดิฉันคือจะไม่ขึ้นตรงหน้าโรงแรม จะเดินออกมาอีกสักหน่อยแล้วค่อยโบกรถ  เหตุผลโดยส่วนตัวก็คือ โรงแรม5 ดาวที่เนปาลจะราคาค่อนข้างสูง ถ้าคุณขึ้นที่หน้าโรงแรม นั่นก็หมายว่าความว่า คุณสามรถจ่ายค่าที่พักราคาสูงได้ ค่าแท็กซี่ก็อาจจะราคาสูงตาม เพราะแท็กซี่จะไม่มีมิเตอร์แท็กซี่ที่นี่จะเป็นรถ ซูซูกิคันเล็ก ไม่มีแอร์แต่เปิดกระจก ดับเครื่องทุกครั้งที่ติดไฟแดง รักษ์โลกสุดฤทธิ์หากคุณรักษ์โลกเช่นกัน ก็ห้ามบ่นกันนะคะ สิ่งที่ยังสามรถต่อราคาได้อีกนั่นก็คือเกสต์เฮาท์ย่านทาเมล ต่อราคาได้อีกนิด จากราคาหน้าแว๊ป แต่ต้องต่อเมื่อไปถึงนะคะ อย่าต่อราคาตอนจองห้องพัก

ทาเมล จะประมาณถนนข้าวสารที่บ้านเรา ส่วนใหญ่จะขายสินค้าพื้นเมือง ของฝากที่น่าซื้อจะเป็นเครื่องทองเหลือง ผ้าพันคอ เพราะราคาไม่ถือว่าสูงมากเมื่อเปรียบเทียบในเมืองไทย  ย้ำนะคะว่าต้องต่อไม่งั้นราคาที่ได้จะสูงลิบ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน